การเลือกใส่รองเท้าเป็นสิ่งที่สำคัญ หากใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้าไม่ว่าจะมีคุณสมบัติ
ดีมากน้อยแค่ไหนก็ตามก็อาจทำให้ไม่มีประสิทธิผลเพียงพอต่อการใส่ขณะใช้งานได้
การรู้จักความกว้าง และความแคบของเท้าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะเท้าของแต่ละคนมีรูปทรงแตกต่างกัน มีทั้งคนที่เท้ากว้าง และเท้าแคบ ซึ่งโดยทั่วไปคนญี่ปุ่นเองจะมีหลังเท้าสูง และเท้ากว้าง ขณะที่ชาวตะวันตกมีหลังเท้าเตี้ย และแคบ ดังนั้นคนที่ใส่รองเท้าแล้วรู้สึกว่าแคบ และแน่น ควรเลือกรองเท้าที่มีหน้ากว้าง ส่วนคนที่มีฝ่าเท้าค่อนข้างแบนไม่ควรเลือกรองเท้าที่มีส่วนที่สัมผัสฝ่าเท้าที่มีลักษณะโค้ง อย่างไรก็ตามก่อนเลือกซื้อรองเท้าควรเช็คลักษณะรูปเท้าก่อนการเลือกไซต์รองเท้าทุกครั้ง
กลม (round)
-กลม แบบนิ้วเท้ายาว (long and round)
เฉียง (Oblique)
-เฉียงแบบ A หัวโตยาว (oblique)
เหลี่ยม (square)
-นิ้วเท้าเหลี่ยมเท่ากัน (all square)
ว่ากันว่าเท้าของคุณมีความแตกต่างของขนาดเท้าระหว่างช่วงเช้า และช่วงเย็นประมาณ 0.5 – 1.0 ซม คาดว่ามาจากส่วนโค้งของฝ่าเท้าที่กว้างขึ้นจากน้ำหนักตัวที่กดลงมา และจากการยืนที่ทำให้เลือดไหลเวียนลงไปที่เท้า มีผลทำให้เท้าบวมขึ้น ดังนั้นการซื้อรองเท้าควรเป็นช่วงบ่าย ถึง ช่วงเย็น ที่เท้าขยายตัว เลือกเตรียมไว้ขณะที่เท้าใหญ่ช่วยให้ไม่ต้องลำบากในภายหลัง
ขณะเลือกซื้อรองเท้า เราควรสังเกตความรู้สึกเมื่อใส่จริง หากเราสวมใส่ในระยะยาว เราจึงควรตรวจเช็คอย่างละเอียด เพราะถ้าใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้า อาจทำให้เกิดปัญหาแก่เท้า ทำให้ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกิจกรรมต่างๆ ลดลงได้
นอกจากนี้ เวลาทดลองใส่รองเท้า แนะนำให้ใส่รองเท้า 2 ข้าง เนื่องจากบางคนมีรูปทรงเท้าซ้าย และขวา และขนาดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นควรสังเกตความรู้สึกที่สัมผัสผ่านหลังเท้า และหลังจากที่ผูกเชือกรองเท้าด้วยว่ามีความรู้สึกเป็นอย่างไร
ทุกคนอาจจะมองว่าการเลือกใส่รองเท้าเป็นเรื่องที่ง่าย แต่รู้หรือไม่ว่ารองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้าไม่ว่าจะมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมอย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถให้ผล
อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะต้องสังเกตุคือความรู้สึกเมื่อใส่จริง เนื่องจากเราจะต้องใส่ในระยะยาว จึงควรตรวจเช็คอย่างละเอียด เพราะ
ถ้าใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะกับเท้าอาจะทำให้เกิดปัญหาแก่เท้า และทำให้เกิดการบาดเจ็บ ไม่กระชับ หรือไม่สบายเท้าระหว่างการทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้
ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ทดลองใส่รองเท้าก่อนที่จะทำการเลือกซื้อ โดยการลองใส่ทั้งสองข้าง เพราะบางคนมีรูปทรง และขนาดของเท้าซ้าย และเท้าขวาที่แตกต่างกัน
จากนั้นให้เราสังเกตความรู้สึกที่สัมผัสผ่านหลังเท้า หลังผูกเชือกรองเท้าแน่นแล้ว เป็นสำคัญ เรามาทดลองสวมใส่ และเช็ครองเท้าตามนี้กันดูนะคะ
เมื่อเลือกรองเท้ามาแล้วก่อนที่จะใส่เท้าลงไป ให้คลายเชือกผูกรองเท้าทั้งหมดให้หลวม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างเพียงพอสำหรับนิ้วเท้าที่จะสามารถขยับเขยื้อนในรองเท้า
เมื่อใส่รองเท้าแล้ว
ให้ยกปลายเท้าขึ้นและ
ยกส้นเท้ากระทบพื้น
เพือให้ส้นเท้ากระชับ
กับส่วนของรองเท้า
ดึงส่วนลิ้นของรองเท้าให้ตึง ผูกเชือกรองเท้าจากปลายรองเท้ามาทางด้านหน้า ตามลำดับให้ครบเรียบร้อย
ตรวจเช็คว่าใส่พอดีหรือไม่ และใช้มือผูกเชือกรองเท้าให้แน่น
ตรวจเช็คดูว่านิ้วเท้าเคลื่อนไหวในรองเท้าได้หรือไม่
หลังจากใส่รองเท้าทั้งสองข้างแล้ว ให้ยืนเดินให้มั่นคง และลองตรวจเช็คความรู้สึกขณะใส่ว่ามีความรู้สึกหลวม หรือคับไปหรือไม่
หากส่วนหลังเท้าหลวม อาจจะถูกขูดโดน แต่ถ้าแน่นไป อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดเท้า ทำให้เมื่อใส่นานๆ เมื่อย ล้าง่าย ในกรณีแน่นเกินไปให้ลองปรับ โดยการคลายเชือกผูกลองเท้าให้หลวม เพื่อคลายความแน่น
เมื่อใส่รองเท้าแล้วยืน ให้เคลื่อนไหวนิ้วเท้า แล้วลองตรวจเช็คว่าเราสามารถเคลื่อนไหวนิ้วเท้าได้อย่างอิสระหรือไม่ เพราะในจุดนี้จำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างประมาณ 1.0-1.5 ซม หากข้อนิ้วโป้ง หรือนิ้วก้อยแน่น อาจทำให้ปัญหาเกิดขึ้นกับนิ้วเท้าได้
หากส่วนรองรับ (cushion) ที่พื้นรองเท้าไม่แน่นพอดีกับส่วนโค้งของฝ่าเท้า จะทำให้ถ่วงที่ส่วนโค้งของฝ่าเท้า และอาจเป็นสาเหตุทำให้เท้าเกิดอาการเมื่อยล้า ดังนั้นคนที่ฝ่าเท้าค่อนข้างแบน ให้เลือกรองเท้าที่มีส่วนรองรับพื้นรองเท้าที่ดี
หากส้นเท้าลอย และรองเท้าหลุดง่ายขณะสวมใส่ เวลาเท้าสัมผัสพื้นจะไม่มั่นคง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ฉนั้นให้เลือกรองเท้าที่ ใส่แน่นพอดี และห่อหุ้นส้นเท้าอย่างดี
ล้างทำความสะอาด
ทำให้แห้ง
ดับกลิ่น ป้องกันเชื้อรา
การเก็บรักษา
ข้อแนะนำ และข้อควรระวังเพิ่มเติม
🚫 เวลาใส่โปรดระมัดระวังอย่าเหยียบบริเวณส้นเท้า เพราะจะเป็นเหตุให้เสียรูปทรง และเท้ากระทบกระแทกกับตัวรองเท้า
🚫 เวลาถอดรองเท้าควรใช้มือถอด และไม่ควรเหยียบส้นเท้าของรองเท้า เพราะอาจจะทำให้รองเท้าเกิดความเสียหาย
🚫 หากเป็นไปได้ไม่ควรใช้น้ำล้าง ส่วนที่เป็นหัวรองเท้าที่เป็นเหล็กอาจจะไม่ขึ้นสนิม แต่ในส่วนของวัสดุส่วนบนของรองเท้า (โดยเฉพาะหนังแท้) และพื้นรองเท้าส่วนกลาง อาจะเกิดความเสียหายได้
❗ พื้นรองเท้าที่ทำจากโฟมโพลียูรีเทน จะแยกสลายด้วยน้ำ และเสื่อมสภาพได้ง่ายหากทิ้งไว้โดยไม่ใส่ ซึ่งจะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา โดยพื้นรองเท้าจะแยกร้าว และแตกออก ดังนั้นให้ตรวจเช็คพื้นรองเท้าที่ไม่ได้ใช้ก่อนที่จะใช้งานเสมอ